fredag, mars 28, 2008

Tolkyrket, för- och nackdelar//ข้อดีและข้อเสียของอาชีพล่าม

จากที่ทำมากรูดวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของอาชีพล่ามได้ดังนี้ค่ะ

ข้อดี
เป็นอิสระ อันนี้กรูดให้คะแนนสูงสุด

ได้พัฒนาตัวเองทุกวัน อันนี้กรูดก็ให้คะแนนสูงด้วย ทำให้ตัวเองเป็นคนมีความรู้รอบตัวเพิ่มมากขึ้น

มีเวลาว่างพอสมควร อันนี้ก็ชอบ เพราะเวลาทำงานประจำแล้วกรูดมักจะเกรงใจเจ้านายมากกกกกกกกก จะโทรศัพท์เรื่องส่วนตัวก็เกรงใจไม่กล้าโทรเท่าไหร่

ไม่ต้องตื่นแต่เช้าทุกวัน

ไม่ต้องเสียค่าเดินทางไปทำงาน ลูกค้าจ่ายให้หมด

เวลาเดินทางไปทำงานนอกเมืองได้ค่าเสียเวลาเดินทาง

รายได้ต่อชั่่วโมงสูงกว่างานประจำ เหมาะสำหรับทำเป็นอาชีพเสริม

เป็นอาชีพที่คนต่างชาติ มีโอกาสเท่ากับหรือดีกว่าคนสวีเดน ยิ่งชื่อไทยนามสกุลฝาหรั่งยิ่งเหมาะ



ข้อเสีย

รายได้ไม่มั่่นคง ช่วงไหนงานน้อย ก็นั่งตบยุงอยู่บ้าน

ค่าเสียเวลาเดินทางที่ได้ บางบริษัทให้น้อยมากๆๆๆๆๆ แต่มันก็เป็นสิทธิ์ของเราเองที่จะรับงานหรือปฏิเสธ

เป็นเหมือนลูกเมียน้อย คือเราไม่ได้เป็นลูกจ้าง ทำให้ไม่ได้รับสวัสดิการต่างๆที่ลูกจ้างทั่วไปได้ ไม่ว่าจะเป็น semesterlön เงินเดือนช่วงลาพักร้อน พวกล่ามจะได้เงินเฉพาะวันที่ทำงาน วันที่ลาพักร้อนจะไม่ได้เพราะเขาจ่ายรวมไปกับเงินค่าจ้างแล้ว(ทำให้ค่าจ้างดูสูง แต่จริงๆไม่สูงเลย) วันหยุดที่คนอื่นเขาพักผ่อน ได้เงินรายเดือนเต็มๆ แต่ล่ามนี่ว่างไปกังวลไป เพราะยิ่งวันแดงเยอะ ยิ่งมีงานน้อย
เรื่องประกันต่างๆที่นายจ้างเขามักทำให้พนักงาน พวกล่ามก็ไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นลูกจ้าง เป็นแค่พวกรับงานอิสระเท่านั้น
บริษัททั่วไปเขามี lönesamtal หรือ utvecklingssamtal การพูดคุยเพื่อพัฒนาตัวเรา และพูดคุยเรื่องขึ้นเงินเดือน  อันนี้ล่ามทั่วไปไม่มี ลูกจ้างทั่วไปเขาจะได้ขึ้นเงินเดือนตามมาตรฐานเกือบทุกปี แต่ของล่ามไม่มีตรงนี้ กี่ปีผ่านไปค่าจ้างก็เท่าเดิม แต่ราคาข้าวของมีแต่จะแพงขึ้น  แต่ว่าถ้าเป็นล่ามให้ตำรวจ ทนาย ศาล และแผนกผู้ลี้ภัย เขาจะปรับเงินขึ้นให้ และให้ค่าตอบแทนดีกว่าที่อื่น ค่าเสียเวลาเดินทางก็สูงกว่าที่อื่น แต่จะเวลาแปลที่ศาลจะเครียดกว่าปกติด้วย

บริษัทล่ามบางแห่ง จ่ายเงินขาด(แม่   ง)ทุ๊กเดือน ล่ามเซ็งเลย ทำงานเหนื่อยแล้วยังต้องมานั่งเช็คไปเงินเดือนอย่างละเอียดยิบ

---
ถึงแม้จะมีข้อเสียเยอะ แต่ข้อดีของอาชีพล่ามโดนใจกรูด
การได้ทำงานที่ตัวเองชอบ ได้พัฒนาตัวเองทุกวัน และได้ใช้ความรู้ความสนใจที่ตัวเองมีอยู่ให้เป็นประโยชน์ในด้านการงาน เป็นสิ่งที่ทำให้กรูดมีความสุข รู้สึกว่าชีวิตที่ผ่านไปแต่ละวันไม่สูญเปล่า

แต่เนื่องจากอาชีพนี้ไม่ค่อยมั่นคง ทางผู้มีอำนาจตัดสินใจยังไม่เห็นความสำคัญของล่าม และจัดการให้ล่ามมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทำให้กรูดคิดว่าจะทำงานนี้ไปสักสี่ห้าปี กอบโกยความสุข และมีชีวิตอิสระให้เต็มที่ หลังจากนั้นแล้วคงต้องขยับขยายหาทางทำงานที่มั่นคงมากยิ่งขึ้น เพราะต้องห่วงอนาคต ห่วงเรื่องเงินบำนาญ  การที่เราทำงานได้รายได้น้อย มันไม่ได้มีผลต่อชีวิตในปัจจุบันเท่านั้น แต่มันมีผลต่อชีวิตในอนาคตด้วย ในด้านเงินบำนาญ

คิดว่าพอถึงตอนนั้นแล้วคงหางานได้ง่ายขึ้น เพราะช่วงที่ทำงานล่าม ทำให้เราได้รู้ได้เห็นเกือบทุกอย่าง เกือบทุกระบบของสังคมสวีเดน

เล็งๆงานสายครูไว้ค่ะ อาจจะทำงานไปด้วย และเรียนเอาวุฒิไปด้วย

ถ้ามีคนมาไทยมาเรียนล่ามเยอะ อาจไปสมัครเป็นครูพี่เลี้ยงทางด้านภาษา språkhandledare ให้แก่นักเรียนล่าม

---
มะกรูด

ปล. คอมพ์มันแปลกๆ ทำให้กรูดมองไม่เห็นเครื่องหมายทุกตัว ทำให้พิมพ์ตกๆหล่นๆ ไม่ชอบส่งอะไรที่ิผิดๆขึ้นไป แต่ว่าขี้เกียจไล่แก้่ค่ะ

torsdag, mars 27, 2008

Facket / A-kassa สหภาพแรงงานและประกันการตกงานของสวีเดน

มีเพื่อนที่บ้านไทยถามเรื่องเกี่ยวกับ Facket // A-kassa กรูดเห็นว่ามีประโยชน์
ไปตอบที่นู่นแล้วขอเก็บมาแปะไว้ที่นี่ด้วยเผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่ผ่านไปมา


เรื่อง Facket / A-kassa มันแบ่งเป็นสองส่วน

ส่วนแรกที่สำคัญเป็นอันดับหนึ่งคือ Arbetslöshetsförsäkring (ประกันการตกงาน) องค์กรที่ดูแลเรื่องประกันกันตกงานเขามักจะเรียกว่า Arbetslöshetskassa หรือ เรียกย่อๆว่า a-kassa และเงินชดเชยที่เราได้เวลาตกงานเขาเรียกว่า arbetslöshetsersättning (เงินชดเชยการตกงาน) หรือภาษาติดปากชาวบ้านก็เรียกว่า ได้เงิน a-kassa
ตรงชื่อนี่กรูดไม่ค่อยมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์นะคะ

---
แต่คิดภาพรวมง่ายๆว่ามันมีสองส่วนคือ ส่วนประกันการตกงาน ที่จะให้เงินชดเชยแก่เรา เวลาที่เราตกงาน
และอีกส่วนหนึ่งคือ ส่วนสหภาพแรงงาน (หรือสหพันธ์แรงงาน รู้สึกว่าหลายๆสหภาพรวมกันจะเป็นสหพันธ์ แต่ตอนนี้เอาคร่าวๆก่อนเนาะ)

A-kassa มีหน้าที่หลักๆอย่างเดียวคือ จ่ายเงินชดเชยเวลาเราตกงาน เทียบง่ายๆได้กับบริษัทประกันอื่นๆ แต่อันนี้เป็นประกันการตกงานเท่านั้น พอมันเป็นประกัน ก็แสดงว่าเราต้องเสียค่ากรมธรรม์ประกันใช่ไหมคะ ซึ่งเขาเรียกว่า a-kasseavgift ซึ่งตอนนี้รัฐบาลใหม่เขาขึ้นราคามาสูงมาก แต่ได้ยินมาว่า สมัยก่อนที่เสียถูกเพราะว่ารัฐส่งเงินมาช่วยสนับสนุนบางส่วน

คนที่ทำงานทุกคนควรจะทำประกันการตกงานไว้ค่ะ โดยต้องเลือกหน่วยงานประกันที่ตรงกับสาขาอาชีพของเรา และบางทีขึ้นอยุ่กับประเภทนายจ้างจองเราด้วยค่ะ

ที่ควรทำประกันตรงนี้ไว้ก็เพราะว่า เวลาตกงานจะได้เงินชดเชย


ส่วนที่สองคือ Facket หรือสหภาพแรงงาน เขาจะดูและสารทุกข์สุขดิบของเราในฐานะลูกจ้าง เพื่อให้มีอำนาจต่อรองกับนายจ้างมากขึ้น เหมือนกับว่า เวลาเราพูดคนเดียวต่อรองกับนายจ้างโดยลำพัง เราก็หัวเดียวกระเทียมลีบ ถ้าเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน เราอาจขอให้เขามาเจรจาให้ หรือขอขำปรึกษาเขาก่อนที่เราจะไปเจรจาเอง อาจจะให้เขาช่วยอาจสัญญาเกี่ยวกับการจ้างงานต่างๆให้ เหมือนกันมีพี่เบิ้มคอยดูแล
อันนี้ถ้าจะร่วม ต้องเสียค่าสมาชิกค่ะ บางทีเขาก็คิดก้อนเดียว บางที่ก็คิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากเงินเดือน สมัยก่อนเงินค่าสมาชิกสหภาพแรงงานนำมาหักภาษีได้บางส่วน ตอนนี้รู้สึกว่ารัฐบาลใหม่ตัดตรงนี้ไปแล้ว(ไม่แน่ใจ)

ส่วนนี้เราจะเป็นสมาชิกก็ได้ หรือไม่เป็นก็ได้

คนที่เป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน เราจะจ่ายเงินแค่ก้อนเดียว แล้วในเงินก้อนนั้นจะประกอบไปด้วย ค่าสมาชิกสหภาพแรงงาน และค่ากรมธรรม์ประกันการตกงานค่ะ - ตรงนี้ทำให้คนเข้าใจผิดว่า facket กับ a-kassa เป็นอันเดียวกัน เพราะจ่ายไปก้อนเดียว พอตกงานก็ได้รับเงินชดเชย จริงๆแล้วมันคนละส่วนค่ะ เขาเพียงแต่ช่วยอำนวยความสะดวกให้เราเฉยๆโดยให้เราจ่ายที่เดียวเสร็จเลย

บางคนเลือกทำประกันการตกงานแค่อย่างเดียว เขาก็จ่ายเงินไปที่ a-kassa เท่านั้น โดยจ่ายไปที่ a-kassa โดยตรงค่ะ ไม่ต้องจ่ายค่าสมาชิกสหภาพแรงงานด้วย
---
อันนี้เป็นรายละเอียดคร่าวๆค่ะ

เพื่อให้เห็นตัวอย่างชัดเจน กรูดขอยกตัวอย่างของกรูดนะคะ


ตอนทำงานใหม่ๆเป็นแค่ลูกจ้างสำรอง vikarie ตอนนั้นทำที่โรงเรียนซึ่งอยู่ในสังกัดของ Kommun
ในลักษณะงานที่กรูดทำ กรูดสามารถเข้าเป็นสมาชิกได้สองที่คืิอ Kommunal หรือ SKTF

กรูดติดต่อ SKTF เล่าให้เขาฟังว่าฉันเป็นแค่ลูกจ้างสำรอง ควรจะเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานไหม ถ้าเป็นพวกเธอจะช่วยอะไรฉันได้บ้าง
เขาบอกว่าเนื่องจากกรูดเป็นแค่ timvikarie เขาช่วยอะไรมากไม่่ค่อยได้ อำนาจต่อรองกับนายจ้างไม่ค่อยมีมาก
เขาคิดว่าไม่ต้องเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานก็ได้

กรูดงก ก็เลยทำประกันกับ a-kassa อย่างเดียว

ที่ทำงานบางแห่งเพื่อนร่วมงานเขาจะไม่ชอบคนที่ไม่เป็นสมาชิก facket เพราะเขาว่าเราเอาเปรียบเขา
เนื่องจากเขาจ่ายเงินให้ facket และ facket ไปต่อรองกับนายจ้าง ทำให้ได้เงื่อนไขการทำงานที่ดีขึ้น
ซึ่งพวกกาฝาก(ที่ไม่เป็นสมาชิก)ก็ได้ผลประโยชน์ด้วย (เพราะกฎหมายระบุห้ามการเลือกปฏิบัติไว้)

เวลาผ่านไปไม่นาน Kommunal ดั้น Strejk (นัดหยุดงาน)
แล้วมี blockad ด้วย blockad คือ ห้ามไม่ให้คนอื่นไปทำงานแทนพวกที่นัดหยุดงานด้วย

เอาล่ะสิ ซวยแล้วเรา
เพราะเขาห้ามไม่ให้กรูดไปทำงาน
ถ้าไม่ทำงานกรูดก็ไม่ได้เงินสิ

พวกเพื่อนที่เขา strejk เขาไม่ได้เงินจากนายจ้าง(มั้ง) แต่เขาได้เงินชดเชยจากสหภาพแรงงาน เพื่อการหยุดงานนั้น

กรูดโทรติดต่อ Kommunal ขอเป็นสมาชิกด่วน เขาไม่รับ เขาด่ากลับอีกต่างหาก ว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว
ไม่่มี solidaritet

กรูดเลยโมโห แหมก็เงินเดือนตูได้แค่นี้ ตูก็ต้องห่วงปากห่วงท้องตูก่อนสิว้อยยยยย

กรูดโทรติดต่อ SKTF เขารับไว้
ก็เลยเป็นสมาชิกเขาตั้งแต่นั้นมา

ตอนหลังพอจะได้บรรจุเป็นลูกจ้างประจำ Kommunal เขาค่อนข้างจะบีบ เขาว่าเราทำงานในสายของเขา น่าจะเป็นสมาชิกเขา แต่กรูดไม่ชอบ
กรูดไม่เป็น

พอดีมีวันหนึ่ง สะเพร่า ไฟเกือบไหม้แฟลต
แล้วถ้าเป็นสมาชิก Kommunal แล้วมันจะได้ประกันภัยบ้าน hemförsäkring ฟรี
กรูดเลยเปลี่ยนไปอยู่กับเขา

ยิงปืนครั้งเดียวได้นกสองตัว อันแรกได้ประกันภัยบ้านฟรี(ไม่ฟรีหรอก เขาก็เก็บไปกับค่าสมาชิกนั่นแหละ)
อันที่สองจะได้เลิกเป็นแกะดำในที่ทำงานเสียที

---
เพื่อนที่ทำความสะอาดเขาเป็นสมาชิก Alfa-kassan มั้งคะ กรูดไม่แน่ใจ
เหมือนกับว่า Alfa-kassa เป็นหน่วยงานรับประกันการตกงานที่เปิดกว้าง
ไม่แน่ใจว่าเขารับผิดชอบเก็บตก คนที่ไม่ได้ทำประกันด้วยหรือเปล่า
---

มะกรูด

คุณขอมา

กรูดบ้าจี้พอสมควร
ใครถามอะไรตอบโหม้ด

เอ มีคนขอให้เขียนคำแนะนำตัวเป็นสวีเดน
ไม่รู้จะเขียนยังไงค่ะ
ลองดูเท่าที่ได้ละกันนะคะ

Hej
เห
เป็นแบบกลางๆ

Goddag
กูดดอ
แบบรุ่นเดอะค่ะ ส่วนใหญ่เขาจะพูดสองครั้งเป็น
Goddag goddag!


แบบวัยรุ่นก็
Tjena
เชียนะ (เหมือนคำสบถของไทยเลย)

เคยมีครั้งนึง นักเรียนคนไทยของกรูดมาถามแบบซีเครียดมากเลย
"น้า ทำไมเพื่อนผมเขาเรียกผมว่าชี่นะ (Kina ประเทศจีน)"
เขาว่าผมเป็นคนจีนเหรอ
อิอิ เขาทักหนุ่มน้อยด้วย Tjena นั่่นเอง


แบบวัยรุ่นอีกคือ
Tjabba
ชับบ๊ะ

---
คนสวีเดนที่ไม่ได้อยู่ตามเมืองใหญ่เวลาเขาเดินสวนกัน บางที บางคนเขาจะทัก Hej ถึงแม้จะไม่รู้จักกันก็ตาม
ถ้าเขา เห มา เราก็เหกลับละกันค่ะ
---
เมื่่อสองสามอาทิตย์ก่อน ไปฟังโชว์เดี่ยวไมโครโฟนของ Fredrik Lindström ผู้เชี่ยวชาญทางภาษาสวีเดน และพิธีกรทีวี
เขาเล่าเรืองได้ตลกดี

เขาว่า คนสวีเดนที่บังเอิญต้องเดินสวนกันในป่านี่เขาคิดหนักมากเลย
เพราะโดยธรรมชาติแล้วคนสวีเดนเป็นชนที่ค่อนข้างเก็บตัว ไม่สุงสิงกับคนแปลกหน้า(และหน้าแปลก)ซักเท่าไหร่
พอเขาต้องเดินสวนคนแปลกหน้า เขารู้สึกอึดอัดใจที่ต้องกล่าวทักทาย เพราะมันเป็นมารยาทสังคมอย่างหนึ่ง (ซึ่งขัดแย้งกับลักษณะเก็บตัวอย่างคนสวีเดน)

เขาเลยพูดไปอย่างเสียมิได้ว่า Hej
แต่จะ Hej ครั้งเดียวมันก็เขินเนาะ
เขาเลยต่ออีก Hej นึง
กลายเป็น Hej hej เฮ้ เฮ
คือเอา Hej สอง มาลบ hej แรกที่กล่าวไป จะได้เจ๊ากัน เหมือนไม่เคยเจอกันมาก่อน

ิเพราะคำว่า Hej ใช้เป็นคำบอกลาได้ด้วย
---

จบแล้วค่ะ
กรูด

lördag, mars 22, 2008

Tråkigt // เซ็ง

ว่างจัด เลยเซ็ง

จบข่าว

กรูด

fredag, mars 21, 2008

Att tala genom tolk för svensktalande.

Förut skrev jag på thailändska om vad man bör tänka på när det gäller tolkanvändning och att tala genom tolk.

Idag tänker jag skriva om samma sak fast för svensktalande.

Först och främst vill jag säga att jag gillar tanken med att "alla har samma rätt till information och att uttrycka sig"som svenska myndigheten har. Det är därför det står i lagen att i den mån man kan ska man använda tolk om någon inte behärskar det talande svenska språket. Det är grunden till demokrati, tycker jag.

Missförstå mig inte! Jag försöker inte förespråka för tolkanvändning eftersom jag vill få många uppdrag. Jag vill bara dela med mig den informationen jag har som jag kan dela med mig.

Att använda tolk är inte bara för den thailändsktalandes skull utan även för den/de svensktalandes skull. Många gånger hittar partnerna ett sätt att kommunicera med varandra. Man förstår varandra väl. Men det är inte alltid att svenska tjänstemän förstår det eftersom de inte är vana vid svenska på thailändskt sätt. Det handlar inte bara om ord utan även satsmelodi och rätt betoning osv.

Jag gillar ett ord som jag fick från min svenska kurs på Uppsala universitet. Det är "lyssnarvänligt uttal". Om det passar får jag återkomma någon annan gång med detta ämne.

Nu har jag glidit ifrån ämnet (som vanligt he he he). Vi går tillbaks till ämnet.

Vad bör man tänka på när man talar genom tolk?
1. Att man talar direkt till lyssnaren och inte till tolken.
2. Att man talar till punkt. Det är svårare för tolken att tolka om man tänker högt och aldrig kommer till punkt. Tolken ska naturligtvis tolkar allt som sägs. Men kommunikationen blir inte lika effektiv som om man skulle tala med personer som talar samma språk.
3. Att man tänker på att allting ska tolkas. Många gånger svarar den svensktalande direkt på frågor från tjänstemannen. Det är ganska naturligt. Men alla ska få del av samma information och ha samma möjlighet att ge svar på tal. Det blir dessutom svårare för tolken att tolka om två personer pratar direkt efter varandra eftersom det ska tolkas i jag-form.
4. Om man har stark dialekt kan det vara svårt för tolken att hänga med. Tänk på att tolkar inte har samma förutsättningar att förstå alla dialekter perfekt som vanliga svenskar!
5. Tala inte för långt. Vissa tolkar tolkar direkt efter ett par meningar. Vissa tolkar väntar tills hela stycket är sagt. Det är lättare att tolka direkt efter ett par meningar om språken är nära varandra.

Att kommunicera genom tolk är ett samspel och en konst. Om alla inblandade är medvetna om konsten att tala genom tolk kommer kommunikationen att flyta på jättebra så att man nästan inte märker att ett pratas genom tolk.

Vänliga hälsningar!
Magrood

måndag, mars 17, 2008

Tolk och tolkanvändning på thailändska // ล่ามและการใช้ล่าม

หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะขอใช้ล่าม โดยรัฐเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้
จริงๆแล้วมันเป็นหลักประชาธิปไตยของสวีเดน ที่เขามองว่าประชาชนทุกคนมีความเสมอภาคในการสื่อสาร กฎหมายเขาเลยระบุไว้ว่า หากประชาชนที่ไม่สามารถใช้ภาษาสวีเดนในการสื่อสารได้อย่างเต็มที่มาติดต่อเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ต้องจัดให้มีล่าม

เพราะฉะนั้นเวลาเราติดต่อเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นด้านการรักษาพยาบาล ตำรวจ หน่วยงานบริการสังคม ศาล โรงเรียน เรามีสิทธิ์ขอใช้ล่าม หากต้องการใช้ล่ามก็แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ

การพูดผ่านล่ามมันจะแตกต่างจากการพูดธรรมดาพอสมควร หากผู้ใช้ล่ามตระหนักถึงข้อนี้ จะทำให้การสื่อสารเป็นไปอย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น

๑. เวลาพูดให้พูดกับเจ้าหน้าที่โดยตรงค่ะ ไม่ใช่กับล่าม เพราะล่ามไม่ใช่เจ้าหน้าที่ ล่ามมีหน้าที่แ่ค่แปลอย่างเดียว ล่ามเป็นเหมือนเครื่องจักรที่มีหน้าที่แปลอย่างเดียวค่ะ

๒. ถ้าไม่เข้าใจให้ถามค่ะ ไม่ต้องอาย ไม่ต้องกลัวใครเสียหน้า เพราะล่ามมีหน้าที่แปลอย่างเดียว ไม่มีหน้าที่ถามแทนคุณ และไม่มีหน้าที่อธิบายให้คุณฟัง ข้อนีสำคัญมากค่ะ ผู้ใช้รับต้องรักษาสิทธิ์และผลประโยชน์ของตนเอง ถ้าไม่เข้าใจเราต้องถามเอง คนอื่นเขาไม่มารับผิดชอบตัวเรา ถึงล่ามจะรู้ว่าผู้ฟังไม่เข้าใจความหมายที่เจ้าหน้าที่ต้องการสื่อ ล่ามก็อธิบายไม่ได้ เพราะล่ามมีหน้าที่แค่แปล

ยกตัวอย่างเช่น åklagare ล่ามต้องแปลว่า อัยการ ถ้าคุณฟังภาษาไทยแล้วยังไม่เข้าใจว่า อัยการ คืออะไร คุณต้องถามค่ะว่า "อัยการ คืออะไร/ใคร" ล่ามก็ต้องแปลคำถามของคุณว่า "Vad är en åklagare för något?" แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะอธิบาย แล้วล่ามก็จะแปลสิ่งที่เจ้าหน้าที่อธิบาย

ข้อนีสำคัญมากค่ะ ไม่ว่าจะได้ล่ามเก่งแค่ไหน แต่ถ้าผู้ใช้ล่ามไม่รักษาสิทธิ์ตัวเอง ไม่ถามในสิ่งที่ตัวเองไม่เข้าใจ ล่ามเก่งๆก็ช่วยไม่ได้ เพราะล่ามเขามีจรรยาบรรณของเขา เขาจะมานั่งอธิบายไม่ได้ จรรยาบรรณเขาห้ามไว้

๓. พูดชัดเจนว่าใคร ทำอะไรที่ไหน เรียงลำดับ
ตัวอย่างสมมุติ พี่เขาเข้ามาแล้วพี่เขาก็ยกมือขึ้นจะตบแล้วพี่เขาก็เลยเตะพี่เขาที่ท้อง
อันนี้จะแปลยากมากค่ะ เพราะผู้พูดมีภาพชัดเจนในความคิด แต่ล่ามไม่ได้เห็นภาพนั้นด้วย พอจะแปลเป็นภาษาสวีเดนแล้วจะยากมาก เพราะภาษาสวีเดนต้องชัดเจน เขา นี่ผู้หญิงหรือผู้ชาย

๔. เว้นจังหวะให้ล่ามได้แปลบ้าง ไม่อย่างนั้้นจะเป็นการเสี่ยงว่าข้อมูลจะหลุด ล่ามบางคนจะจดโน้ต แต่บางคนไม่ได้จด แล้วแต่ความถนัด แต่เพื่อความมั่นใจว่าข้อมูลที่เราพูดไป ล่ามจะสามารถถ่ายทอดให้ได้หมด ครบถ้วน เราต้องเว้นจังหวะให้ล่ามได้แปลบ้าง

๕. ล่ามเขาจะไม่ค่อยเจ๊าะแจ๊ะ เพราะจรรยาบรรณเขาห้ามไว้ ถ้าเขาไม่ค่อยคุย ก็ไม่ต้องไปซักไซ้เขามากก็ได้ค่ะ ไม่ต้องอยากทำความรู้จักกับเขาหรอกค่ะ เพราะถ้ารู้จักไปแล้วจะทำงานลำบาก เพราะตามหลักแล้วเขาไม่ให้คนที่รู้จักกันแปลให้กัน เพราะมันจะมีปัญหาเรื่องความไม่เป็นกลาง


วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะคะ

ปรารถนาดี
มะกรูด

fredag, mars 14, 2008

En liten tolkträff // สังสรรค์ล่ามแบบย่อมๆ

Idag var jag och träffade två av mina tolkkamrater, eller rättare sagt klasskamrater från tolkkursen eftersom en av oss inte jobbar som tolk. Man tjänar för lite, tycker hon. Det har hon helt rätt i. Hon arbetar som översättare.

Tolkar och översättare tjänar inte så bra. Men arbeten är jätteintressanta och lärorika. Jag älskar det. Att lära sig något nytt varje dag, att utvecklas genom arbetet och att utveckla arbetet med ens intressen - det är ett drömjobb för mig.

Det var jätteroligt träffa dem igen. Jag insåg inte hur mycket jag saknade dem förrän det var dags att träffa dem igen.

Vi hade bestämt att träffas en gång i månaden för att plugga ihop inför auktorisationsprovet för tolkar. Thailändska tolkar har bara haft möjlighet att skriva auktorisationprov på thailändska 2 gånger. Ingen har klarat det.... hmmm Det är både konstigt och inte konstigt.

Det som är konstigt är att det måste väl finnas duktiga tolkar som har arbetat länge. De borde ha klarat provet, tycker man ju. Det som inte är konstigt är att provet är sååååååååååå svårt.

Själv måste jag kämpa på för att klara provet om jag vill fortsätta med tolkyrket. Det är svårt. Men jag kämpar på.

---
Vi skrattade mycket och hade så mycket gemensamt. Jag pratade mycket som vanligt. :-)
Jag är glad att ha sådana trevliga vänner och systrar... :-)
---

วันนี้ไปเจอเพื่อนชาวล่ามสองคน หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือเพื่อนร่วมห้องที่เรียนล่ามเพราะพี่คนหนึ่งเขาไม่ได้ทำงานล่าม พี่เขาว่างานล่ามเงินไม่ค่อยดี ซึ่งมันก็จริง พี่เขาทำงานแปลเอกสาร

ล่ามและคนแปลเอกสารมีรายได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ว่าตัวงานมันน่าสนใจและให้ความรู้มาก ฉันรักงานพวกนี้นะ การได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆทุกวัน การทำงานที่ทำให้เราได้พัฒนาตัวเอง และได้ใช้ความสนใจส่วนตัวไปพัฒนางาน สิ่งเหล่านี้รวมกัน ถือว่าเป็นงานในฝันของฉันเลยแหละ


วันที่นี่ได้เจอพี่ๆอีกฉันดีใจมาก ไม่รู้ตัวหรอกว่าคิดถึงพวกพี่ๆเขาแค่ไหน มารู้ตัวก็เมื่อถึงเวลาที่จะได้เจอกันอีกนี่แหละ


เราได้ตกลงกันว่าจะนัดเจอกันเดือนละครั้งเพื่อที่จะติวก่อนสอบใบประกาศล่าม ล่ามภาษาไทยพึ่งได้มีโอกาสได้สอบใบประกาศแค่สองครั้ง และยังไม่มีใครผ่าน มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกและไม่น่าแปลกในขณะเดียวกัน

ที่ว่าน่าแปลกก็คือ มันน่าจะต้องมีล่ามเก่งที่ทำงนมานานแล้ว และล่ามเหล่านั้นก็น่าจะผ่าน แต่เรื่องที่ไม่น่าแปลกก็คือข้อสอบมันยากมากกกกกกกกก

ตัวฉันเองต้องพยายามสอบให้ผ่านถ้าฉันอยากจะทำงานล่ามต่อไป มันยาก แต่ฉันจะพยายามสู้

---
เราหัวเราะสนุกสนานกัน และมีอะไรหลายๆอย่างที่คล้ายกัน และฉันก็พูดมากเหมือนเช่นเคย:-)
ฉันดีใจที่ได้มีเพื่อนและพี่สาวดีๆอย่างนี้ :-)
---

Kontaktperson och kontaktfamilj på thailändska. // พี่เลี้ยง และครอบครัวพี่เลี้ยง

มาอัพเดทอีกครั้งค่ะ
ตอนนี้คำใหม่มาแรงคือ "ผู้ดูแลให้ความช่วยเหลือ" นำเสนอโดยคุณมินิและพิน

บางทีทางหน่วยงานบริการสังคมของเรา อาจจะจัดหาผู้ดูแลและให้ความช่วยเหลือแก่ลูกสาวคุณนะคะโดยผู้ดูแลให้ความช่วยเหลืออาจจะพาลูกสาวของคุณไปทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ไปดูหนัง ฟังเพลง และเล่นกีฬาไม่ทราบว่าคุณพอจะรู้จักใครที่จะทำหน้าที่นี้ได้ไหมคะ

เนื่องจากครอบครัวของคุณพึ่งย้ายมาใหม่ และไม่ค่อยรู้จักใครมากนักเราจะจัดหาครอบครัวผู้ดูแลให้นะคะจะได้แนะนำคุณให้รู้จักกับสังคมสวีเดนมากขึ้นอันนี้เสนอหน้าลองของดู ควรไม่ควรก็แล้วแต่จะพิจารณาเท่าที่ดูมา อันนี้เหมาะสุดแล้วเนาะ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
http://thailandska.se/index.php?act=ST&f=39&t=4476&st=0#entry56895

---
มาอัพเดทข้อมูลค่ะ
ได้ข้อสรุปที่สวยงาม จากการช่วยเหลือของพี่ชมัยคนเก่งและนักเขียนมือฉมังพิน จากเวปบ้านไทย
พี่และเพื่อนแนะนำมาว่า "ผู้ประสานงาน" เป็นคำตอบสุดท้าย

เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะ

---
จริงๆ ถ้าจะแปลง่ายๆว่า kontaktperson คือผู้ติดต่อ มันก็ได้
แต่แปลไปแล้วคนไทยจะเข้าใจและเห็นภาพไหม


คำตอบก็คือ "ไม่"
ที่ไม่เข้าใจนี่ไม่ใช่ว่าคนไทยโง่นะคะ แต่เพราะว่าคนสวีเดนเขาเกิดและเติบโตมากับสังคมของเขา
หลายสิ่งหลายอย่างที่มีในสังคมเขา เขาไม่ต้องเรียนเขาก็รู้ว่ามันหมายถึงอะไร
เช่น คำว่า kontaktperson เขารู้ว่าคือใคร ทำอะไร ใช้ในบริบทไหนบ้าง

เนื่องจากเราคนไทยไม่ได้เติบและโตมากับบริการทางสังคมที่รัฐจัดให้แบบนี้ ทำให้พอเราฟังคำว่า "kontaktperson หรือ ผู้ติดต่อ" เฉยๆแล้วเราไม่เข้าใจความหมายที่ลึกซึ้ง
เพราะฉะนั้นฉันว่ามันน่าจะหาคำไทยที่เหมาะสำหรับคำนี้

ลองอ่านดูคำจำกัดความของ kontaktperson นะคะ แล้วขอความกรุณาช่วยเสนอแนะมาด้วยนะคะว่าใช้คำไทยคำไหนดี

kontaktperson, inom socialtjänsten benämning på anställd eller frivillig medarbetare som fått i uppgift att hjälpa en viss person eller familj med personliga eller sociala problem. Det kan gälla t.ex. ensamstående mödrar (jfr barnavårdsman), ungdomar med sociala problem eller missbrukare.
...
När det gäller familjer med svårigheter, t.ex. sociala problem eller integrationssvårigheter i samband med invandring, förekommer även kontaktfamiljer, som åtar sig att regelbundet umgås med problemfamiljer och bidra med stöd för att lösa deras problem. (källa http://www.ne.se/)

Kontaktperson ตามความหมายของหน่วยงานบริการสังคมแล้ว หมายถึง ลูกจ้างหรืออาสาสมัครที่ได้รับมอบหมายให้ช่วยเหลือบุคคลหรือครอบครัว ซึ่งมีปัญหาส่วนตัวหรือปัญหาทางด้านสังคม ยกตัวอย่างเช่น แม่ที่ต้องเลี้ยงดูลูกตามลำพัง วัยรุ่นที่มีปัญหาด้านสังคม หรือผู้ติดยา

สำหรับครอบครัวที่มีปัญหาหรือความยุ่งยาก เช่น ปัญหาทางด้านสังคม หรือปัญหาการปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่อันเป็นผลมาจากการย้ายถิ่นฐานมาอยู่ใหม่ ทางรัฐอาจจะจัดหา "Kontaktfamilj"ให้ ซึ่งครอบครัวที่เป็น kontaktfamilj นี้มีหน้าที่พบปะกับครอบครัวที่มีปัญหาและให้การช่วยเหลือสนับสนุนพวกเขาเพื่อแก้ปัญหาที่เขามี


มะกรูด

Svenskt studiestöd på thailändska. // เงินสนับสนุนการศึกษาของสวีเดนเป็นภาษาไทย

Studiestöd เงินสนับสนุนการศึกษา

อันนี้คือชื่อรวมค่ะ รวมเงินประเภทต่างๆที่รัฐช่วยเพื่อสนับสนุนด้านการศึกษาให้ประชาชนแต่ละคน
Detta är ett samlingsbegrepp för alla sorters hjälp som staten erbjuder individer när det gäller utbildning.

Studiehjälp เงินช่วยเหลือการศึกษา

สำหรับนักเรียนวัย ๑๖ ถึง ๒๐ ปี และเรียนระดับต่ำกว่ามหาวิทยาลั(เตรียมอุดมศึกษา)
För studerande mellan 16 och 20 år som studerar på gymnasienivå.

ซึ่งเงินช่วยเหลือการศึกษาจะประกอบด้วย:
Studiehjälp kan innehålla följande delar:

Studiebidrag เงินสวัสดิการเพื่อการศึกษา

Extra tillägg เงินเพิ่มเติมพิเศษ

Inackorderingstillägg เงินเพิ่มเติมค่าที่พัก




Studiemedel เงินทุนเพื่อการศึกษา

สำหรับการเรียนระดับมหาวิทยาลัย หรือระดับก่อนมหาวิทยาลัยสำหรับผู้เรียนที่อายุเกิน ๒๐ ปี
För studerande på högskolenivå
eller
för studerandre på gymnasienivå som är över 20 år.

เงินทุนเพื่อการศึกษาดังกล่าวประกอบไปด้วยเงินส่วนต่างๆดังนี้:
Studiemedel kan innehålla följande delar:

Studiebidrag เงินสวัสดิการการศึกษา (เหมือนกับกับ studiebidrag ของระดับเตรียมอุดมศึกษา เพียงแต่ว่าระดับนั้นนักเรียนจะได้รับเงินสวัสดิการโดยอัตโนมัติ แต่ระดับนี้ต้องยื่นคำร้องเอง)

Studielån เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา

Tilläggslån เงินกู้ยืมเพิ่มเติม

Tilläggsbidrag เงินสวัสดิการเพิ่มเติม

Merkostnadslån เงินกู้ยืมอันเนื่องมาจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น


ปรารถนาดี
Vänliga hälsningar
Magrood

torsdag, mars 13, 2008

Jag vill bara skänka en tanke till en person som jag ser gråta utan att kunna trösta.
Jag tänkte "om jag kan be för henom skulle det nog kännas bättre".
Men jag är inte en sådan person som ber speciellt mycket.
I den här moderna världen hoppas jag att hen skulle ha det lite bättre i och med min tanke som jag nu skänker till henom i denna cybervärld.

อยากจะขอส่งความระลึกถึงบุคคลผู้หนึ่งซึ่งฉันเห็นเขาร้องไห้แต่ไม่อาจปลอบได้
ฉันคิดว่า"หากฉันไหว้พระขอพรให้เขาเขาคงจะรู้สึกดีขึ้น"
แต่ฉันไม่ใช่คนที่สวดมนต์บ่อยซักเท่าไหร่
ในยุคสมัยใหม่นี้ฉันหวังว่าเขาคงจะรู้สึกดีขึ้นได้ด้วยการส่งความปรารถดีของฉันสู่เขาผ่านโลกไซเบอร์ใบนี้

Magrood

Bidrag på thailändska//bidrag ภาษาไทยเรียกว่าอย่างไรดี

เก็บของเก่ามาเล่าใหม่ค่ะ
จริงๆแล้วได้ข้อสรุปจากเวปบ้านไทยแล้วค่ะ
แต่ว่าอยากจะนำขึ้นมาทดสอบข้อมูลที่บล็อก
ผู้ชมที่ผ่านมาผ่านไป ก็อย่าชมเปล่านะคะ ช่วยโหวตเลือกคำด้วยที่ช่องทางด้านขวามือด้วยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

Egentligen har vi kommit fram till det bästa ordet för "bidrag" på thailändska på http://www.thailandska.se/. Men jag skulle vilja ta upp det här igen för att testa min blogg.
Jag skulle uppskatta det mycket om ni tar er tid och röstar för det lämpligaste thailändska ordet för "bidrag". Röstpanelen ligger till höger. Tack på förhand!

Magrood